หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การดึงดูด และรักษาคนเก่ง ด้วยอะไรได้บ้าง


การบริหารค่าจ้างเงินเดือนในยุคปัจจุบันนั้นมีความยากมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีข้อมูลคู่แข่ง และมีข้อมูลการจ่ายค่าจ้างของบริษัทคู่แข่ง และบริษัททั่วไปในตลาดมากขึ้น ทำให้ข้อมูลถึงกันมากขึ้น พนักงานเองก็มีการศึกษาและหาข้อมูลเหล่านี้ก่อนที่จะสมัครงานกับบริษัทต่างๆ ซึ่งทำให้บริษัทจะต้องสร้างวิธีการในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนให้เกิดความเป็นธรรม และแข่งขันได้มากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อดึงดูด และรักษาคนเก่งไว้ให้ทำงานในองค์กร

แต่อย่างไรก็ดี เรื่องของค่าจ้างเงินเดือนนั้นในปัจจุบันมีข้อจำกัดอยู่มากมายในการจ่าย ตลาดมีการแข่งขันกันสูงมาก บางกลุ่มธุรกิจเรียกกว่าจ่ายค่าจ้างเงินเดือนอยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมด แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย ยิ่งไปกว่านั้น การขึ้นเงินเดือนประจำปีตามผลงานก็ขึ้นปีละไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และแต่ละบริษัทก็ขึ้นเงินเดือนในอัตราที่ใกล้เคียงกัน คำถามก็คือ แล้วบริษัทเราจะมีวิธีการอย่างอื่นอีกหรือไม่ในการที่จะดึงดูด และรักษาคนเก่งไว้ให้ทำงานกับบริษัทได้นานๆ เพราะเมื่อไหร่ที่เรามีการปรับค่าจ้าง บริษัทคู่แข่งก็ปรับหนีเราไปอีก ถ้าทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ระบบการจ่ายค่าจ้างในบ้านเราก็จะมีปัญหาอย่างแน่นอน

สิ่งหนึ่งที่องค์กรในบ้านเรายังไม่ค่อยให้ความสำคัญในการนำมาใช้สำหรับดึงดูดและรักษาพนักงาน แต่ในต่างประเทศมีหลายองค์กรที่นำเอาสิ่งเหล่านี้มาใช้ในการบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์กรมากขึ้น สิ่งเหล่านี้เราเรียกมันว่า “รางวัลที่ไม่เป็นตัวเงิน” (Nonfinancial Reward)

การทำงานแบบยืดหยุ่น หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า Flex time จากผลการวิจัยของ Center for Talent Innovation (CTI) ได้ระบุว่า 87% ของกลุ่ม Baby boomer 79% ของกลุ่ม Gen X และ 89% ของกลุ่ม Gen Y ให้ความสำคัญกับเรื่องของการทำงานแบบยืดหยุ่น โดยเฉพาะกลุ่มคนเก่งๆ ในองค์กรมักจะถูกดึงดูดได้ด้วยโปรแกรมการทำงานแบบยืดหยุ่นของบริษัท ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะสร้างความสมดุลย์ให้กับชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว ลักษณะการทำงานแบบยืดหยุ่นที่นิยมใช้กันมากก็คือการกำหนดเวลา

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การฝึกฝนทำให้คุณเป็นคนเก่ง

อย่าทำงานซ้ำซ้อนในเวลาเดียวกันเพราะอาจเกิดการผิดพลาดได้ง่าย นอกจากนี้ การแข่งขันยังช่วยกระตุ้นสมองให้โลดแล่นอีกด้วย
"การฝึกฝนทำให้คุณเป็นคนเก่ง" นี่คือคำกล่าวของนักประสาทวิทยาชาวสวีเดน โทร์เคล คลิงเบิร์ก ว่าคนเราควรทำอย่างไรให้ได้ข้อมูลและมีความเข้าใจมากที่สุด
โดยที่เราไม่ต้องใช้สมองจนเกินกำลังหรือไม่ทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย เนื่องจากสมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในระยะเวลาที่จำกัด แต่เราก็มีวิธีที่จะใช้ศูนย์ความคิดของเราให้มีประโยชน์มากที่สุดเช่นกัน

  • Multitasking คุณกำลังเดินทางไปพบปะพูดคุยธุรกิจและระหว่างทางครุ่นคิดวิธีการเจรจาตกลงต่างๆ คุยโทรศัพท์หรือเขียนจดหมาย แต่การทำงานหลายๆอย่างในคราวเดียวกันมีความเสี่ยงกับความผิดพลาดในการส่งอีเมลล์ผิดให้กับคู่เจรจา ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ทำงานหรือธุระใดๆก็ตามให้เป็นไปตามลำดับ อย่าทำงานหลายอย่างในคราวเดียวกันเพื่อป้องกันการผิดพลาด
  • สัญชาตญณบอกคุณได้ดีกว่าสมอง  ในแต่ละวันเรามีเรื่องต้องตัดสินใจประมาณ 20,000 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องในชั่วพริบตา และคนเป็นจำนวนมากที่ตัดสินใจโดยไม่รู้ตัว เช่น การทักทายและออกความเห็นในที่ประชุม โดยเฉพาะคนที่ทำงานในออฟฟิต ที่มีเงื่อนไขของเวลาเป็นเรงกดดันในการตัดสินใจ นักจิตวิทยาจึงแนะนำให้ฟังเสียงความรู้สึกของตัวเองหรือสัญชาตญาณที่เรานำ