ธรรมะชนะชีวิต
วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556
ข้าวเปลือกสองหาบ (นิทานสอนใจ)
มีพี่น้องคู่หนึ่ง ตั้งแต่เด็กรักใคร่สามัคคีกันมาก ครั้นโตเป็นผู้ใหญ่ เนื่องจากต่างก็แต่งงานมีครอบครัวแล้ว พ่อแม่จึงให้พวกเขาแยกบ้านกันอยู่ แยกบ้านไม่แยกนาในสมัยก่อนเป็นเรื่องธรรมดา พี่น้องคู่นี้ก็เช่นเดียวกัน
มีอยู่ปีหนึ่งหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ต่างก็แบ่งข้าวเปลือกกันคนละครึ่ง หาบกลับไปบ้านของตน แล้วกองไว้ที่ลานจากข้าวหน้าบ้าน ตกค่ำผู้เป็นพี่ก็คิดว่า น้องชายอายุยังน้อย ลูก ๆ ก็ยังเล็กอยู่ เราควรที่ช่วยเหลือเขาให้มากถึงจะถูก เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วก็หาบข้าเปลือกหนึ่งหาบ ไปที่บ้านของน้องชายอย่างเงียบ ๆข้างฝ่ายน้องชายก็คิดเช่นเดียวกันว่า พี่ชายมีลูกหลายคน แบ่งข้าวเปลือกได้เพียงไม่กี่หาบจะพอกินได้
อย่างไร? คิดแล้วก็หาบข้าวเปลือกหนึ่งหาบส่งไปที่บ้านของพี่ซายอย่างเงียบ ๆ รุ่งเช้าเขาทั้งสองต่างก็
ประหลาดใจ ที่ข้าวเปลือกของตนไม่ได้ลดน้อยลงเลย พอตกค่ำเขาทั้งสองต่างก็เกิดความคิดแบบเดิมขึ้นอีกเมื่อพี่หาบข้าวเปลือกไปถึงหน้าบ้านของน้องชาย เป็นเวลาเดียวกับที่น้องชายก็กำลังหาบข้าวเปลือก เตรียมจะส่งไปให้พี่ชายเช่นกัน เขาทั้งสองเผชิญหน้ากัน เกิดความรู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาไหลอย่างไม่รู้สึกตัว....
แหล่งที่มา : http://www.tumsrivichai.com
วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
น้องจ๋าอย่าร้องไห้ แม่จวนจะกลับแล้ว
น้องจ๋า อย่าร้องไห้ แม่จวนจะกลับแล้ว
วันหนึ่งในฤดูหนาว บนต้นไม้มีรังนกอยู่รังหนึ่ง พ่อนกได้ถูกคนใช้ปืนยิงตายไปหลายวันแล้ว แม่นกจึงต้องเลี้ยงดูลูกนก 4-5 ตัวด้วยตนเอง วันนี้แม่นกยังคงออกไปหากินตามปกติ "ลูกจ๋า แม่จะไปหาอาหารมาให้ลูกกินเดี๋ยวก็กลับ ลูก ๆ ต้องอยู่แต่ในบ้านนะ อย่าเที่ยวร้องเที่ยวซุกซนนะเด็กดี" สั่งเสียเสร็จแม่นกก็จากไปด้วยความเป็นห่วง มันไปที่กอหญ้าริมน้ำคุ้ยเขี่ยหาตัวหนอนด้วยความยากลำบาก เมื่อหาได้แล้วก็คาบไว้ในปาก ค่อย ๆบินกลับรังตลอดทางมันคิดถึงพ่อนก คิดถึงตอนที่พ่อนกถูกยิงตายในชั่วเสี้ยววินาที มันปวดร้าวหัวใจจนน้ำตาคลอ
ทันใดนั้นพญามัจจุราชก็มาเยือนอีก ปัง! มันร้องได้คำเดียว "ลูกจ๋า แม่ขอลาก่อน แม่ขอโทษลูกด้วย ลูก......" หัวใจมันแตกสลาย ที่สุดมันก็ตายเลือดกลบปาก ลมหนาวพัดกรรโชกมาที่รังนก ลูกนกที่น่าสงสารคอยแม่ตั้งแต่กลางวันจนถึงค่ำ จนถึงรุ่งเช้า แล้วก็คอยตั้งแต่กลางวันจนถึงค่ำอีก พวกมันรู้สึกว้าเหว่และหวาดกลัว "พี่จ๋า หิวจัง พี่จ๋า หนาวจัง" "น้องจ๋า อย่าร้องไห้ แม่จวนจะกลับแล้วๆ" "พี่จ๋า หนาวจัง พี่จ๋าหิวจัง" น้องจ๋า อย่าร้องไห้ แม่จวนจะกลับแล้วๆ
.. บทความดีๆ นิทานคติธรรมสอนใจ นิทานคุณธรรม
วันหนึ่งในฤดูหนาว บนต้นไม้มีรังนกอยู่รังหนึ่ง พ่อนกได้ถูกคนใช้ปืนยิงตายไปหลายวันแล้ว แม่นกจึงต้องเลี้ยงดูลูกนก 4-5 ตัวด้วยตนเอง วันนี้แม่นกยังคงออกไปหากินตามปกติ "ลูกจ๋า แม่จะไปหาอาหารมาให้ลูกกินเดี๋ยวก็กลับ ลูก ๆ ต้องอยู่แต่ในบ้านนะ อย่าเที่ยวร้องเที่ยวซุกซนนะเด็กดี" สั่งเสียเสร็จแม่นกก็จากไปด้วยความเป็นห่วง มันไปที่กอหญ้าริมน้ำคุ้ยเขี่ยหาตัวหนอนด้วยความยากลำบาก เมื่อหาได้แล้วก็คาบไว้ในปาก ค่อย ๆบินกลับรังตลอดทางมันคิดถึงพ่อนก คิดถึงตอนที่พ่อนกถูกยิงตายในชั่วเสี้ยววินาที มันปวดร้าวหัวใจจนน้ำตาคลอ
ทันใดนั้นพญามัจจุราชก็มาเยือนอีก ปัง! มันร้องได้คำเดียว "ลูกจ๋า แม่ขอลาก่อน แม่ขอโทษลูกด้วย ลูก......" หัวใจมันแตกสลาย ที่สุดมันก็ตายเลือดกลบปาก ลมหนาวพัดกรรโชกมาที่รังนก ลูกนกที่น่าสงสารคอยแม่ตั้งแต่กลางวันจนถึงค่ำ จนถึงรุ่งเช้า แล้วก็คอยตั้งแต่กลางวันจนถึงค่ำอีก พวกมันรู้สึกว้าเหว่และหวาดกลัว "พี่จ๋า หิวจัง พี่จ๋า หนาวจัง" "น้องจ๋า อย่าร้องไห้ แม่จวนจะกลับแล้วๆ" "พี่จ๋า หนาวจัง พี่จ๋าหิวจัง" น้องจ๋า อย่าร้องไห้ แม่จวนจะกลับแล้วๆ
.. บทความดีๆ นิทานคติธรรมสอนใจ นิทานคุณธรรม
วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555
นิทานสอนใจ "เรื่องถ้วยเก่ากับคนแก่"
ครั้งหนึ่ง มีบ้านหลังหนึ่งมีสามี ภรรยา ลูกชาย และอาม่าแก่ๆคนหนึ่ง อาม่าแก่มากและไม่แข็งแรง มีอาการมือสั่นตลอดเวลา ทำให้ถือของลำบาก โดยเฉพาะ เวลาที่อาม่าทานข้าวร่วมกับครอบครัว อาม่าจะถือชามข้าวได้ลำบากและทำข้าวหกลงบน โต๊ะตลอดเวลา
ลูกสะใภ้อาม่ารำคาญกับเรื่องนี้มาก จึงปรึกษากับสามี ว่าเวลาอาม่า ทานข้าวเขาจะทำข้าวหกเกลื่อนโต๊ะ นางทนไม่ได้เพราะมันทำให้รู้สึกกินข้าวไม่ลง สามีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเขาไม่สามารถทำให้อาม่าหายมือสั่นได้
อีกไม่กี่วัน ลูกสะใภ้ก็พูดกับสามีเรื่องนี้อีก ว่าจะไม่แก้ไขอะไรเลยหรือ นางทนไม่ได้แล้ว หลังจากโต้เถียงกันไปสักพัก สามีก็ยอมตามภรรยา โดยเมื่อ ถึงเวลาทานข้าว เขาจะจัดให้แม่นั่งแยกโต๊ะต่างหากเพียงคนเดียว และใช้ถ้วยข้าว ถูกๆบิ่นๆ เพราะอาม่าทำถ้วยแตกบ่อยๆ
เมื่อถึงเวลาทานข้าว อาม่าเศร้าใจมาก เพราะอาม่าก็ไม่มีปัญญาจะแก้ไข อะไรได้ นางนึกถึงอดีต ที่นางเลี้ยงดูลูกชายด้วยความรักเสมอมา นางไม่เคยบ่นต่อ ความเหนื่อยยาก และเวลาที่ลูกชายเจ็บไข้นางก็ดูแลอย่างดี เวลาลูกชายมีปัญหาก็ ช่วยแก้ไขทุกครั้ง แต่ตอนนี้อาม่ารู้สึกว่าถูกทิ้ง อาม่าเสียใจมาก
หลายวันผ่านไป อาม่ายังเศร้าใจ รอยยิ้มเริ่มจางหายไปจากใบหน้าของเขา หลานชายน้อยๆของอาม่าซึ่งเฝ้าดูทุกอย่างมาตลอดก็เข้ามาปลอบใจและบอกคุณย่า ว่า เขารู้ว่า คุณย่าเสียใจมากที่พ่อแม่ของเขาทำแบบนี้ แต่หลานชายมีวิธีที่จะให้อา ม่ากลับไปทานข้าวรวมกับทุกคนได้
ความหวังเริ่มเกิดขึ้นในหัวใจของหญิงชรา จึงถามหลานชายว่าจะทำอย่าง ไร หลานก็ตอบว่าเย็นนี้ให้คุณย่าแกล้งทำชามของคุณย่าตกแตกเหมือนกับไม่ได้ ตั้งใจ อาม่าได้ฟัง ก็แปลกใจ แต่เด็กน้อยยืนยันว่า ให้คุณย่าทำตามที่บอก ที่เหลือปล่อย เป็นหน้าทีของหลานเอง
และแล้วเมื่อได้เวลาอาหารเย็น หญิงชราก็ตัดสินใจลองทำตามที่หลานพูด เพื่อจะดูว่าหลานมีแผนอะไร หญิงชรายกถ้วยข้าวเก่าที่เต็มไปด้วยรอยบิ่นขึ้นแล้ว แกล้งปล่อยลง บนพื้นเหมือนกับหลุดมือ ถ้วยข้าวเก่าๆแตกกระจายยับเยิน
ลูกสะใภ้เห็น ถ้วยแตกเสียหายก็ลุกขึ้นเตรียมจะด่าว่าอาม่า แต่ลูกชายตัวน้อยของนางกลับชิงพูด ขึ้นมาก่อนว่า
“คุณย่าทำไมทำชามแตกหมดเลยล่ะครับ หนูกะว่าจะเก็บไว้ให้คุณแม่ใช้ตอนแก่นะ แล้วคุณแม่จะได้ใช้ชามเก่าที่ไหนกันล่ะเนี่ย…”
ลูกสะใภ้เมื่อได้ยินลูกชายพูดเช่นนี้ก็หน้าซีดและด่าอาม่าไม่ออกอีก ต่อไป นางรู้ทันทีว่าสิ่งที่นางทำจะเป็นตัวอย่างให้ลูกชายของนางปฏิบัติเมื่อนาง แก่ตัวลง นางรู้สึกอับอายและสำนึกกับการกระทำของตัวเอง ตั้งแต่นั้นมา ทุกคนก็ทานข้าวรวมกันมาตลอด นิทานสอนใจ
แหล่งที่มา :http://www.tumsrivichai.com
ขอขอบคุณ : ภาพประกอบ จากhttp://www.oknation.net/blog/chainew
http://www.thaiscooter.com/forums/showthread.php
วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555
ลูกน้อง 4 แบบ คุณมีแบบไหนมากกว่ากัน
ในการทำงานร่วมกับลูกน้อง หรือทีมงานของเรา ในฐานะที่เราเป็นหัวหน้าเราย่อมจะต้องการให้ลูกน้องของเราแสดงความสามารถในการทำงานอย่างเต็มที่ และอยากให้เขาพัฒนาตนเอง พร้อมกับดึงเอาศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ในการทำงานอย่างดีที่สุด
คำถามก็คือ คุณมีลูกน้องกี่คนที่เป็นอย่างที่คุณต้องการลองมาดูลูกน้องแต่ละแบบว่า จริงๆ แล้วคุณเองมีลูกน้องแบบไหนมากกว่ากันนะครับ
คำถามก็คือ คุณมีลูกน้องกี่คนที่เป็นอย่างที่คุณต้องการลองมาดูลูกน้องแต่ละแบบว่า จริงๆ แล้วคุณเองมีลูกน้องแบบไหนมากกว่ากันนะครับ
- แบบที่ 1 ลูกน้องที่มีเป้าหมายในการทำงานชัดเจน และแสดงความสามารถในการทำงานเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้นๆ ได้อย่างดี ลูกน้องแบบนี้จะเป็นคนที่มีความพยายาม และมีจิตใจมุ่งมั่นในการทำงานมาก แม้ว่ารู้ว่างานนั้นจะยากแค่ไหน แต่ลูกน้องประเภทนี้จะพยายามทำมันให้สำเร็จให้ได้
- แบบที่ 2 ลูกน้องที่ดูเหมือนจะดูดี ขยันขันแข็ง แต่ถึงเวลาที่มอบหมายงานที่ยากๆ หรืองานที่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ลูกน้องประเภทนี้มักจะปฏิเสธ และไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ รวมทั้งไม่ค่อยอยากจะทำงานอะไรที่อยู่นอกเหนือจากหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง เข้าประเภทว่ารับปาก แต่ไม่ทำอะไร
- แบบที่ 3 ลูกน้องประเภทที่ต้องการเงินเดือนสูงๆ แต่ไม่อยากทำอะไรเลย พร้อมกันนั้นก็ไม่รู้ด้วยว่าจะต้องทำอะไรบ้าง แต่พอถึงเวลาจะขึ้นเงินเดือน หรือจ่ายโบนัส ก็จะมาบ่นมาขอ อยากได้เยอะๆ แต่งานการกลับไม่ทำอะไรเลย เพื่อแสดงว่าเขาสมควรจะได้รับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)