.jpg)
เดี๋ยวนี้กลายเป็นค่านิยมใหม่ไปแล้วคุณโยม ก่อนหน้านี้มีคำพูดตลกๆ ว่า เปลี่ยนแฟนบ่อยเหมือนเปลี่ยนรองเท้า เดี๋ยวนี้มีของใหม่ว่า เปลี่ยนงานบ่อยเหมือนเปลี่ยนช่องทีวี โอ้โห... เปลี่ยนบ่อยเปลี่ยนถี่เปลี่ยนไวกันเสียจริงๆ

จริงๆ ปัญหานี้ค่อนข้างลำบากสำหรับอาตามาเหมือนกัน เพราะอาตมายังไม่เคยมีประสบการณ์การเปลี่ยนงานบ่อยๆ ด้วยสิ บวชเรียนมาตั้ง ๑๕ ปี ยังไม่เคยเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นเลยนอกจากเป็นพระ เต็มที่ก็เคยแต่ย้ายวัด แต่ก็ลองดูนะคุณโยม อาตมาอาจจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย... ลุยเลย

หากเปลี่ยนงานบ่อยเพราะสาเหตุนี้ อาตมาแนะนำให้นำหลักธรรมที่มีชื่อว่า “วิริยะ” ซึ่งเป็นสมาชิกในหลักธรรมใหญ่หลักหนึ่งของพระพุทธศาสนานั่นคือ อิทธิบาท ๔ ที่อ้างไว้แต่เรื่องต้น ๆ อันประกอบไปด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา

ลองคิดดูว่าถ้าคุณโยมเจอปัญหาแล้วคิดแค่ว่า หนีดีกว่า หลบดีกว่า ไม่คิดที่จะแก้หรือเผชิญหน้ากับความผิดพลาดนั้นเลย คุณโยมก็จะต้องหนี ต้องหลบเช่นนี้ไปตลอดชีวิต และจะไม่สามารถเรียนรู้ที่หาวิธีแก้ความผิดพลาดนั้นได้เลย การเปลี่ยนงานใหม่จึงเป็นการปัดความกลัว ความรำคาญใจไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น
แต่การจะแก้ปัญหาอย่างถาวรได้นั้น เราต้องอาศัยความเพียรเป็นที่ตั้ง ดังพุทธพจน์ที่ว่า "คนจะล่วงทุกข์ได้ก็เพราะความเพียร" มีปัญหาอย่าท้อแท้ หนทางแก้ยังพอมี
.jpg)
คุณโยมต้องปราบสาเหตุนี้ด้วยความไม่คาดหวัง ไม่ได้หมายความว่าเราจะหวังไม่ได้หรือละความพยายามที่จะทำความหวังนั้นให้เป็นจริง เดี๋ยวพวกแฟนๆ บ้านอะคาเดมี่จะพาลคิดว่าอาตมาไปตัดความฝันของบรรดา “นักล่าฝัน”
ความหมายของอาตมาคือ เราต้องมีความคาดหวังที่ตั้งอยู่บนความจริง ความเป็นไปได้ และถูกต้องทั้งในแง่ของทางโลกและทางธรรม ให้มีความสอดคล้องกัน
หาคุณโยมตั้งความหวังไว้มากและไม่ได้ดั่งหวังก็จะผิดหวังเสียใจมาก แทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับมัน สู้คุณโยมพอใจ และรู้จักประมาณกับสิ่งที่ได้รับเสียดีกว่า ทำงานอะไรก็พอใจกับงานนั้น ได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ก็พอใจกับจำนวนนั้น เรียนรู้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ได้ให้ดีเสียก่อน แล้วจึงพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่คาดหวังทีละนิดทีละขั้นอย่างระมัดระวัง
สาเหตุที่สามคือ ความเบื่อหน่าย คุณโยมพวกนี้เป็นพวกสมาธิสั้น ชอบความท้าทายใหม่ๆ ตลอดเวลา พอได้งานนี้ ใหม่ๆ ก็ตื่นเต้น แต่ทำไปทำมากลับเบื่อขึ้นมาเฉยๆ เปลี่ยนไปทำงานอื่น และมักจะใช้ข้ออ้างว่าต้องการหาประสบการณ์ใหม่ๆ
วิธีแก้ไขคือ ใส่ความรักลงไปในงาน นั่นคือต้องมีความรักในงานเสียก่อน แม้งานบางอย่างจะน่าเบื่อ ไร้สีสัน แต่ทุกงานก็มักจะมีข้อดี มีข้อได้เปรียบในตัวเอง คุณโยมลองมองหาข้อดีของงานที่ตัวเองทำ แล้วดึงเอาข้อดีนั้นมาใช้ มาบำรุงจิตใจ และเป็นกำลังใจในการทำงาน

และเมื่อไหร่ที่เรายึดเอาข้อดีนั้นเป็นที่ตั้งแล้ว ความรักในงานก็เกิด แม้ข้อเสียจะนับแสนแต่ข้อดีเพียงนิดเดียวก็ชุ่มชื่นหัวใจไม่น้อยนะคุณโยม เหมือนคอแห้งอยู่กลางทะเลทราย น้ำเพียงไม่กี่หยดก็ทำให้ชุ่มชื่นและต่อชีวิตได้

"ไม่เกี่ยงงาน ไม่จน ไม่อด" จำสูตรนี้ไว้อีกสูตรนะคุณโยม อยากให้ทุกท่านมีความรักงานในของตัวเองและมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ เพราะนอกจากผลดีจะตกถึงคุณโยมประการหนึ่งแล้ว อีกประการหนึ่งคือ งานสมัยนี้หายาก...เจริญพร
แหล่งที่มา : http://www.dhammadelivery.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น