สมัยหนึ่งมีอุบาสกผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาคนหนึ่ง ได้ปลูกกระท่อมที่เชิงเขาเพื่อใช้เป็นที่บำเพ็ญศีลภาวนาปฏิบัติบำเพ็ญมาได้ 20 กว่าปี ทุกวันนอกจากจะเจริญฌานสมาธิแล้ว เขายังเข้าไปในหมู่บ้านแสดงธรรมโปรดชาวบ้าน ทุกคนต่างยกย่องนับถือว่าเขาเป็นอุบาสกผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรมวิเศษ ทุกครั้งที่เขาเข้าฌานสมาบัติ จะปรากฏเป็นรูปธรรมกายนั่งอยู่บนแท่นดอกบัว ล้อมรอบตัวด้วยรังสีสีทองบริสุทธิ์ สดใสระยิบระยับปราศจากรอบด่างแม้แต่น้อย
วันหนึ่งขณะที่อุบาสกกำลังทำอาหารอยู่ เกลือที่จะปรุงรสเกิดหมดพอดีจึงไปขอยืมเพื่อนบ้าน แต่เมื่อไปถึงไม่พบเจ้าของบ้านก็คิดว่าจะขอเอาเกลือไปก่อน เมื่อเจ้าของบ้านกลับมาค่อยบอกก็คงไม่เป็นไร จึงหยิบเกลือหนึ่งกำมือไปปรุงอาหาร หลังจากกินอาหารแล้ว ก็เข้าห้องเจริญญานสมาธิ ขณะอยู่ในสมาธิก็ปรากฏรังสีสีทองในกระแสจิต มีกลุ่มแสงสีดีและดอกบัวก็มีจุดด่างดำเมื่อเล็งดูด้วยทิพยจักษุ ก็ทราบว่ากลุ่มแสงสีดำก็คือกลุ่มเกลือ อุบาสกตกใจตื่นจากสมาธิ รำพึงว่า การเกิดความคิดที่ไม่บริสุทธิ์หยิบเอา
สิ่งของที่ยังไม่มีใครอนุญาต ก็คือลักขโมยอันเป็นการผิดศีล กระแสจิตก็ได้ก่อกรรมชั่วขึ้นแล้ว แม้ว่าจะเป็นเพียงเกลือเล็กน้อยก็ถือว่าจิตใจเกิดความด่างพร้อยแล้ว อุบาสกรู้สึกสำนึกผิดจึงเข้าไปในเมืองซื้อเกลือหนี่งเกวียน นำไปขอขมาเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านกล่าวว่า "เกลือแค่หนึ่งกำ ทำไมต้องเอามาคืนผมมากมาย" อุบาสกกล่าวว่า ผมเอาเกลือของคุณหนี่งกำ คิดทั้งต้นทั้งดอกแล้ว ก็จะมากมายเท่าภูเขาเลยทีเดียว แค่หนึ่งเกวียนไม่นับว่ามากหรอก หลังจากอุบาสกขอขมาเพื่อนบ้านเสร็จ ก็กลับไปบ้านสารภาพบาปเมื่อเข้าฌานสมาธิอีกที กระแสจิตก็สว่างสดใส และดอกบัวก็ปราศจากจุดด่างดำคืนสู่ปรกติเหมือนแต่ก่อน
แหล่งที่มา : http://www.tumsrivichai.com/
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต