หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

ลูกน้อง 4 แบบ คุณมีแบบไหนมากกว่ากัน

ในการทำงานร่วมกับลูกน้อง หรือทีมงานของเรา ในฐานะที่เราเป็นหัวหน้าเราย่อมจะต้องการให้ลูกน้องของเราแสดงความสามารถในการทำงานอย่างเต็มที่ และอยากให้เขาพัฒนาตนเอง พร้อมกับดึงเอาศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ในการทำงานอย่างดีที่สุด
คำถามก็คือ คุณมีลูกน้องกี่คนที่เป็นอย่างที่คุณต้องการลองมาดูลูกน้องแต่ละแบบว่า จริงๆ แล้วคุณเองมีลูกน้องแบบไหนมากกว่ากันนะครับ
  • แบบที่ 1 ลูกน้องที่มีเป้าหมายในการทำงานชัดเจน และแสดงความสามารถในการทำงานเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้นๆ ได้อย่างดี ลูกน้องแบบนี้จะเป็นคนที่มีความพยายาม และมีจิตใจมุ่งมั่นในการทำงานมาก แม้ว่ารู้ว่างานนั้นจะยากแค่ไหน แต่ลูกน้องประเภทนี้จะพยายามทำมันให้สำเร็จให้ได้
  • แบบที่ 2 ลูกน้องที่ดูเหมือนจะดูดี ขยันขันแข็ง แต่ถึงเวลาที่มอบหมายงานที่ยากๆ หรืองานที่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ลูกน้องประเภทนี้มักจะปฏิเสธ และไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ รวมทั้งไม่ค่อยอยากจะทำงานอะไรที่อยู่นอกเหนือจากหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง เข้าประเภทว่ารับปาก แต่ไม่ทำอะไร
  • แบบที่ 3 ลูกน้องประเภทที่ต้องการเงินเดือนสูงๆ แต่ไม่อยากทำอะไรเลย พร้อมกันนั้นก็ไม่รู้ด้วยว่าจะต้องทำอะไรบ้าง แต่พอถึงเวลาจะขึ้นเงินเดือน หรือจ่ายโบนัส ก็จะมาบ่นมาขอ อยากได้เยอะๆ แต่งานการกลับไม่ทำอะไรเลย เพื่อแสดงว่าเขาสมควรจะได้รับ

  • แบบที่ 4 ลูกน้องแบบที่เงินเดือนก็ไม่เอาก็ได้ งานก็ไม่ทำ อยากอยู่เฉยๆ ทำในสิ่งที่เคยทำมาก่อน อย่ามายุ่ง อย่ามาใช้งาน พร้อมกันนั้นยังชักชวนให้คนอื่นคิดอย่างนี้อีกด้วย
ลูกน้องทั้ง 4 แบบนี้ถ้าจะเปรียบเทียบกับลักษณะของคนในพุทธศาสนาก็คล้ายๆ กับ บัว 4 เหล่านั่นเองครับ เห็นแบบนี้แล้วลองพิจารณาลูกน้องของเราเองดูสิครับว่า ตกอยู่ในแบบไหนมากกว่ากัน

ใครที่มีลูกน้องแบบที่ 1 เยอะหน่อย ก็จะสบายในเรื่องของการทำงาน เรียกได้ว่าแบบนี้แหละคือลูกน้องในฝันของหัวหน้าทุกคนเลย แต่ในทางปฏิบัติเราคงจะหาลูกน้องแบบนี้ได้ 100% คงยากหน่อย

ส่วนลูกน้องแบบที่สองนั้น เป็นประเภทที่ถ้าหัวหน้าให้ความใส่ใจ และพยายามพัฒนาเขา ก็จะกลายเป็นลูกน้องแบบที่ 1 ได้ไม่ยากนัก แต่ส่วนใหญ่หัวหน้าจะไม่รู้ และปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ผลก็คือลูกน้องแบบที่ 2 ก็จะกลายเป็นลูกน้องแบบที่ 3 และสุดท้ายก็แบบที่ 4 ในที่สุด

ในประเภทของลูกน้องทั้ง 4 แบบนั้น จะมีแบบที่ 1 และ 2 เท่านั้นที่เรายังสามารถถึงเขาขึ้นจากตม ได้ไม่ยากนัก แต่ถ้าเป็นแบบที่ 3 และ 4 นั้น คงจะยากหน่อย และจะต้องใช้พลังและแรงเยอะมาก ซึ่งหัวหน้าส่วนใหญ่ก็จะหมดแรงกันไปซะก่อนที่จะดึงลูกน้องประเภทนี้ขึ้นมาได้
แล้วจะทำอย่างไรดี
ลูกน้องแบบที่ 1 และ 2 ก็อาศัยการสร้างแรงจูงใจ สร้างพลังในการทำงาน รวมทั้งบอกเขาถึงการเติบโตในสายอาชีพของเขา เพื่อให้เขาเห็นเป้าหมายและความก้าวหน้าของตนเอง เพื่อที่จะได้พัฒนาตนเองไปถึงเป้าหมายนั้นให้ได้ เนื่องจาก ลูกน้องประเภทนี้ค่อนข้างจะมีพลังอยู่ในตัวอยู่แล้ว

ส่วนลูกน้องแบบที่ 3 และ 4 นั้น ก็คงต้องอาศัยระบบการประเมินผลงานเข้ามาช่วยบริหาร กล่าวคือ จะต้องมีการกำหนดเป้าหมายตัวชี้วัดผลงานที่ชัดเจน บอกถึงความคาดหวังต่างๆ ให้ชัดเจนเลย จากนั้นก็ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งใช้ระบบการให้รางวัลเป็นเครื่องมือในการจูงใจกระตุ้นผลงานให้ได้ตามที่ตกลงกันไว้ และถ้าผลงานไม่ออก หรือพฤติกรรมไม่ได้ตามที่เราคาดหวัง ก็ต้องอาศัยเรื่องของระเบียบวินัยเข้ามามาเป็นมาตรการต่อไป
สุดท้ายไม่ว่าคุณเองจะมีลูกน้องแบบไหนก็ตาม สิ่งที่หัวหน้าจะต้องทำก็คือ ในเมื่อเขามาเป็นลูกน้องเราแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือ การให้ความใส่ใจ และพัฒนาลูกน้องแต่ละประเภทให้ไปในทางที่เหมาะสมกับตัวเขา ทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกน้องสามารถทำงานให้เราได้อย่างเต็มความสามารถนั่นเองครับ
แหล่งที่มา : http://www.oknation.net/blog

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น